การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน
มีสาวๆหลายคนที่กลัวการเสริมซิลิโคน และเลือกวิธีอื่นในการเพิ่มขนาดหน้าอก เพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์, การฉีดเติมไขมันหน้าอก, การฉีดสารเหลว, การกินยาเพิ่มขนาดหน้าอก, การนวดกระตุ้นหน้าอก แต่วิธีที่นิยมและมีการพัฒนามาจนถึงปัจจุบันก็ยังเป็น การเสริมซิลิโคนหน้าอก
(ปรึกษาหมอหลิว ฟรี! คุณหมอตอบเองทุกเคส)
ที่ต้นหลิวคลินิก หมอเองจะมีบริการเติมไขมันหน้าอก และเราก็รู้สึกว่าอยากเป็นอีกหนึ่งแห่ง ที่สามารถครบจบให้สาวๆ เพราะว่าในบางเคสรู้สึกว่าอยากเติมไขมันหน้าอกดูก่อน ยังไม่อยากเสริมซิลิโคน เพราะว่าเนื้อหน้าอกไม่มีเลย เลยอยากยืดเนื้อหน้าอกก่อน หรือบางคนเติมไขมันไปแล้วชอบ แต่อยากอยู่ให้นานไปเลย ก็เลยมองหาตัวเลือกที่ปลอดภัย แม้มีมานานแล้วก็ตาม นั่นก็คือ การเสริมซิลิโคนนั่นเอง
โดยส่วนตัวหมอเวลาจะเพิ่มหัตถการอะไรของคลินิก ก็จะต้องมั่นใจ หรือศึกษาก่อนว่า…
จากเสียงเรียกร้องที่ลูกค้ามั่นใจการบริการของต้นหลิวคลินิก ทั้งก่อนและหลังทำ รวมถึงการติดตามอาการ ลูกค้าหลายๆท่านถามหมอเยอะมาก “หมอไม่มีเสริมซิลิโคนด้วยเหรอคะ หนูอยากทำกับหมอหลิว” ดังนั้นหมอก็เลยตัดสินใจเป็นทางเลือกให้ลูกค้าหลายๆคนที่มั่นใจ อยากรู้สึกปลอดภัย และไว้ใจพึ่งพาได้ในการทำศัลยกรรม
ปรึกษาหมอหลิวฟรี ตอบเองทุกเคส ไม่ผ่านเซลล์
การเสริมซิลิโคน จะมี 3เทคนิค (พร้อมเทคนิคล่าสุด!)
1. เทคนิคเหนือกล้ามเนื้อ
ซึ่งเป็นตำแหน่งตามธรรมชาติที่สุด ช่วยให้รู้สึกสบายหลังการผ่าตัดมากกว่า และไม่เป็นอันตรายต่อกล้ามเนื้อหน้าอก
ข้อดีคือ เจ็บน้อย หน้าอกเข้าที่เร็ว
ข้อเสียคือ มักพบปัญหาในระยะยาว เป็นพังผืดหรือนมแข็ง หน้าอกหย่อนคล้อยเร็ว หน้าอกเป็นริ้ว คลำเจอซิลิโคนใต้กล้ามเนื้อ
2. เทคนิคใต้กล้ามเนื้อ
การใส่ซิลิโคนตำแหน่งนี้จะช่วยปกป้องเนื้อเยื่อ และลดความเสี่ยงต่อการกระเพื่อม และการเกิดพังผืดรัดรอบถุงซิลิโคนเจลได้
ข้อดีคือ จะทำให้ไม่เป็นพังผืด คลำไม่เจอซิลิโคน หน้าอกไม่หย่อยคล้อยง่าย
ข้อเสียคือ อาจจะโดนกล้ามเนื้อหน้าอกบีบรัดซิลิโคนทำให้ทรงหน้าอกไม่สวย และดูไม่เป็นธรรมชาติ ค่อนข้างเจ็บมาก ใส่ขนาดซีซี ได้น้อย
3. เทคนิค Dual plane
เป็นเทคนิคล่าสุดที่นิยมกันอย่างแพร่หลายมากในปัจจุบัน
ข้อดีคือ เป็นวิธีที่จะแก้ทุกปัญหาของการเสริมหน้าอกด้วยเทคนิคเดิมๆได้ทั้งหมด เพราะวิธีนี้เป็นวิธีที่จะได้ทรงหน้าอกที่สวย ทรงหยดน้ำนิดๆดูเป็นธรรมชาติ สัมผัสเหมือนจริง คลำไม่เจอขอบซิลิโคน หน้าอกไม่หย่อนคล้อย และไม่เป็นพังผืด
1. พุงหมาน้อย
เป็นพุงที่เจอได้ในสาวๆที่มีรูปร่างผอม แต่มีท้องล่างป่อง หน้าท้องบนไม่ป่องแบนเรียบ เป็นพุงที่เจอได้จากการรับประทานอาหารเดิมๆซ้ำๆ ทำให้ไขมันสะสม และเกิดจากการออกกำลังกายผิดวิธี เช่น ออกกำลังกายท่าเดิมๆ เป็นประจำ ตัวอย่างเช่น การซิทอัพส่งผลให้กล้ามเนื้อ ดันไขมันออกมาจนพุงยื่น
ส่วนใหญ่พุงแบบนี้มักพบได้ในผู้หญิงที่ธุรกิจรัดตัว ยุ่งตลอดเวลา เผลอๆอาจเป็นสาวๆที่ชอบออกกำลังกายด้วยซ้ำ ทั้งที่รูปร่างผอม แต่ก็ยังมีพุงยื่นออกมา บางทียิ่งออกกำลังกาย กลายเป็นยิ่งยื่นไปอีก ดังนั้นเราไม่ควรออกส่วนท้องมากเกินไป เพราะว่ามันจะทำให้หน้าท้องมีกล้ามเนื้อ และยื่นดันไขมันออกมา
วิธีจัดการหน้าท้องแบบนี้คือ ?
ควรรับประทานอาหารที่มีกากใย เช่น ผักใบเขียว ธัญพืชต่างๆ
ควรออกกำลังกายให้ถูกวิธี เช่น การซิทอัพ ที่ผิดวิธีจะทำให้เกิดอาหารปวดหลังได้ ลองเปลี่ยนจากการซิทอัพ เป็นท่าแพลงกิ้ง วิดพื้น เพื่อออกกำลังกายช่วงแขน บ่า ไหล่ บ้าง หรือแม้แต่ออกเป็นแบบเซตสลับกันไปในแต่ละท่า เพื่อให้ร่างกายทุกส่วนได้ใช้งาน
2. พุงป่อง
เป็นพุงที่จะมีลักษณะพุงราบในตอนเช้า และป่องในตอนเย็น อาจเกิดจากท้องอืด อาหารไม่ย่อย รวมถึงแพ้อาหารไม่รู้ตัว หรืออาจจะเกิดจากลำไส้ทำงานไม่เต็มที่ มีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหารไม่ดี และเกิดจากการกินอาหารแบบนี้เป็นประจำ โดยที่ไม่รู้เลยว่าแพ้อาหารชนิดนั้นๆ
วิธีจัดการหน้าท้องแบบนี้คือ ?
ลดอาหารที่ทำจากแป้ง จำพวกคาร์โบไฮเดรต เช่น พาสต้า, ขนมปัง, พิซซ่า, เค้ก, แอลกอฮอล์ หรือนม เนย ชีส หรือแม้แต่โปรตีนจากข้าว อย่างกลูเตน ก็อาจจะทำให้หน้าท้องบวมขึ้นมา จนเป็นปัญหาหน้าท้องใหญ่แบบนี้
ลองงดกินอาหารที่น่าสงสัย แล้วลองสังเกตว่ามีอาการท้องอืดหลังจากทานอาหารประเภทนั้นๆ หรือไม่
งดทานอาหารมื้อดึก
ทานอาหารที่ย่อยง่าย มีกากใยเยอะ เพิ่มผัก, ผลไม้ ที่ช่วยในการขับถ่าย รับประทานอาหารจำพวก กระเทียม, หัวหอม, กะหล่ำปลี หรือผักเคล (Kale) ให้มากขึ้น
ดื่มน้ำเยอะๆ แต่ไม่ควรดื่มน้ำเยอะระหว่างมื้ออาหาร เพราะอาจทำให้น้ำย่อยทำงานได้ไม่ดี
หลังทานอาหารในแต่ละมื้อ โดยเฉพาะมื้อเช้า ลองเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารซักครู่ เพื่อช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารได้ดีขึ้น
3. พุงเครียด
เป็นพุงที่จะมีลักษณะแข็งอืด ตั้งแต่ลิ้นปี่จนถึงสะดือ กดแล้วแข็งๆ มักเกิดจากคนที่นิสัยชอบความเพอร์เฟค สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง มีปัญหาระบบย่อยควบคู่ไปด้วย เมื่อเกิดความเครียดร่างกายจะผลิตคอร์ติซอล (Cortisol) ทำให้ร่างกายผลิตไขมันที่บริเวณหน้าท้อง กินอาหารไม่ตรงเวลา กินบางมื้อ ข้ามบางมื้อ ทำให้ไตทำงานผิดปกติ ชอบทานเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน และกินอาหารขยะ หรือฟาสต์ฟู้ดเป็นประจำ
พุงแบบนี้เป็นสัญญาณของโรคลำไส้แปรปรวน มีปัญหาเกี่ยวกับระบบขับถ่าย ท้องผูกและท้องเสีย
วิธีจัดการหน้าท้องแบบนี้คือ ?
ทำใจให้สบายไม่เครียด หาเวลาผ่อนคลายความเครียด เช่น การนอนแช่น้ำนานๆ หรือไปพักผ่อน เข้าร้านสปา รวมถึงทำกิจกรรมที่เราชอบเพื่อผ่อนคลาย ไม่ต้องรีบเร่งกับเวลามากเกินไป
นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าเกิดอาการเครียดจนนอนไม่หลับ ระบบของร่างกายก็จะทำงานเผาพลาญพลังงานไม่เป็นปกติ และเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะเกิดการสะสมของน้ำตาล และคาร์โบไฮเดรตเอาไว้มากขึ้น
ลดเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีน ไม่ควรเกินวันละ 2แก้ว
การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ อาจไม่ใช่คำตอบของการแก้ปัญหา พุงเครียด เพราะมันจะทำให้ฮอร์โมน คอร์ติซอล (Cortisol) ถูกผลิตออกมามากขึ้น ควรเปลี่ยนเป็นการเล่นโยคะ เดินไกล หรือกีฬาที่เสริมสร้างความแข็งแรง ให้กับกล้ามเนื้อแทน
4. พุงเป็นชั้น
เป็นพุงที่จะมีลักษณะสะสมเป็นชั้นๆ เกิดจากการกินหวานเกินไป รวมถึงอาหารรสจัดมากเกินไป กินอาหารพวกคาร์โบไฮเดรตเยอะ และไม่ค่อยออกกำลังกาย น้ำหนักเกินเกณฑ์ มักเป็นคนที่ทำงานแบบนั่งโต๊ะ พนักงานออฟฟิศ ชอบกินอาหารพวกคาร์โบไฮเดรต พวกข้าว แป้ง ขนมปัง และขนมหวาน
วิธีจัดการหน้าท้องแบบนี้คือ ?
ลดแอลกอฮอล์ อาหารรสหวาน และคาร์โบไฮเดรต
เลี่ยงอาหารไขมันสูง เลิกกินอาหารจำพวกแป้ง เช่น ขนมขบเคี้ยวต่างๆ เพราะมันเต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรต น้ำมัน น้ำตาล เกลือ และสารกันบูด ซึ่งไม่ส่งผลดีกับร่างกาย
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30นาที
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น เนื้อปลา เนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารทอด หรือผัด ที่ต้องใช้น้ำมันเยอะๆ
5. พุงคุณแม่
เป็นพุงที่มีลักษณะของคุณแม่หลังคลอดไม่นาน หรือมดลูกยังไม่เข้าอู่ ผ่านการคลอดบุตรไม่กี่ปี
วิธีจัดการหน้าท้องแบบนี้คือ ?
กินอาหารเสริม ที่ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเผาผลาญไขมัน เช่น น้ำมันตับปลา
กินไขมันที่มีประโยชน์ พวกโอเมก้า 3 และ 6 น้ำมันมะกอก และไขมันจากถั่วเป็นต้น
ยืดเส้นยืดสายก่อนเข้านอน เพราะจะช่วยให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมน ที่ช่วยในการเผาพลาญไขมันให้มากขึ้น
พูดคุยกับหมอหลิว เรื่องดูดไขมันหน้าท้อง
ทำความรู้จัก ชั้นไขมันหน้าท้อง
เมื่อเรารู้ลักษณะพุงแล้ว แต่ก็ยังไม่พอ เพราะต้องรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับไขมันในร่างกายเราด้วย บางคนไปวัดมวลกล้ามเนื้อ วัดไขมัน หรือแม้กระทั่งการตรวจสุขภาพแล้วพบว่าไขมันสูง เข้าใจว่า อ๋อ! สามารถกำจัดหรือเอาออกด้วยวิธีการดูดไขมัน แต่แท้จริงแล้ว ไม่ใช่เลย
การดูดไขมันเราจะดูดจากชั้นไขมัน ซึ่งเป็นไขมันใต้ผิวหนัง ไม่สามารถดูดจากชั้นไขมันในช่องท้อง ที่เป็นไขมันในร่างกาย หรือที่เรียกว่า Visceral fat
วิธีการลดไขมันในช่องท้อง ?
ในส่วนไขมันในช่องท้อง (Visceral fat) ไม่สามารถดูดไขมันได้ จะลดลงได้จากการควบคุมอาหาร เพื่อไม่ให้สะสมเพิ่ม และออกกำลังกายเท่านั้น เพื่อให้ไขมันลดลง ซึ่งทุกอย่างต้องใช้เวลา ในส่วนนี้ไม่สามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้เร็วเหมือนการดูดไขมัน แต่ถ้าเรามีวินัยทำต่อเนื่อง ก็จะค่อยๆลดลง
หลังจากเข้าใจลักษณะหน้าท้องของเรา เข้าใจชั้นไขมันของเราแล้ว ก็มาถึงส่วนของผิวหนังที่ปกคลุมหน้าท้อง รวมถึงลักษณะของผิวหลังดูดว่าจะหย่อนคล้อยหรือไม่? หรือว่าจะหย่อนคล้อยมากน้อยขนาดไหน?
ก่อนอื่นต้องเข้าใจหลักการง่ายๆก่อนว่า ถ้าก่อนดูดไขมันเรามีเนื้อที่หย่อนคล้อยอยู่แล้ว หรือว่าหน้าท้องมีลักษณะหย่อนคล้อยอยู่แล้ว หลังดูดก็จะหย่อนคล้อยเดิม ซึ่งลักษณะนี้ต่อให้ใช้เครื่องดูดไขมันที่ช่วยกระชับก็จริง แต่ว่าก็จะไม่มีทางเรียบตึงได้เหมือนตัดตกแต่งหนังหน้าท้อง ซึ่งในลักษณะนี้แนะนำเป็นตัดตกแต่งหนังหน้าท้องดีที่สุด
สำหรับคนที่ก่อนดูดไม่ได้หย่อนคล้อยอะไร หลังดูดก็ไม่ได้ทำให้หย่อนคล้อยเพิ่ม และก็จะกระชับระดับหนึ่ง อีกทั้งการใส่ชุดกระชับช่วยด้วยหลังการผ่าตัด ยิ่งทำให้เพิ่มความกระชับได้ดี และช่วยลดอาการบวมเข้าที่ได้ไว โดยชุดกระชับต้องมีความยืดหยุ่นไม่รัดเป็นปล้อง
ปรึกษาหมอหลิว โดยตรงทักไลน์
แต่เดี๋ยวก่อน! จะมีผิวหนังที่เป็นผิวที่หนา แม้ไม่ได้อ้วนเยอะ แต่ว่าลักษณะผิวที่หนาตรงนี้ ก็มีผลเรื่องของเวลายุบตัวหรือเข้าที่ อาจจะรู้สึกว่ามีผิวที่จับแล้วนูนออกมาได้อยู่ เป็นเนื้อหนาๆ แต่ว่าไม่ได้มีไขมันเหลืออยู่ แต่เป็นผิวของเราเองที่หนา
ลักษณะแบบนี้อาจรู้สึกว่าดูดแล้วเห็นการเปลี่ยนแปลงไม่มาก หรือเล็กน้อย ทั้งที่หน้าท้องไม่ได้ใหญ่อะไร ขอแนะนำว่ากลุ่มนี้อาจต้องมีการออกกำลังกายร่วมด้วย รวมถึงปรับเปลี่ยนการทานอาหารแบบเดิมๆ และเครื่องมือที่ใช้ในการดูดอาจต้องมีส่วนช่วยเรื่องของความร้อนเพื่อให้ตัวผิวหนังยุบตัวไปด้วย อาทิ เครื่อง Vaser หรือเครื่อง BodyTite เป็นต้น
ศึกษาเกี่ยวกับการดูด Six pack หรือ Sexy line
ทำไม? ต้องดูดไขมันหน้าท้อง ที่ต้นหลิวคลินิก
หมอหลิวให้คำปรึกษาเองทุกเคส ทำเคสเอง พร้อมติดตามอาการ ข้อมูลไม่ตกหล่น ไม่ผ่านหลายท่าน
รีวิวดูดไขมันหน้าท้อง 37นิ้ว หลังทำทันทีเหลือ 33.5นิ้ว หมอหลิว ต้นหลิวคลินิก
รีวิวดูดไขมันหน้าท้อง เอว28นิ้ว หลังทำทันทีเหลือเอว 26นิ้ว ใส่เสื้อผ้าง่ายขึ้นเยอะ
หมอหลิวแนะนำ
การดูดไขมัน สามารถทำให้สัดส่วนลดลงเท่านั้น ไม่ได้ทำให้น้ำหนักลด หลังจากดูดไปแล้วสิ่งที่สำคัญคือ การใส่ชุดกระชับ คุมอาหาร และการออกกำลังกาย
พูดคุยกับหมอหลิว เรื่องดูดไขมันหน้าท้อง
มีบริการยาสลบระหว่างผ่าตัด โดยหมอวิสัญญี
โปรโมชั่นดูดไขมันหน้าท้อง ราคาถูก เหมาไม่จำกัด
โปรโมชั่นดูดไขมันหน้าท้อง เหมาๆราคาถูก ไม่จำกัดซีซี 29,900บาท (จากปกติ 42,900บาท)
แถมฟรี! นวดยกกระชับ ป้องกันผิวหย่อนคล้อย หลังดูดไขมัน ด้วยเครื่อง V-Slim Ultima RFx มูลค่า 1,890บาท
** ราคาจะตามน้ำหนักส่วนสูง โดยคิดเทียบกับ BMI (คำนวณ BMI ของคุณ)
อ่านรายละเอียด การดูดไขมันต้นแขน พร้อมชมรีวิวดูดไขมันต้นแขน คลิก
อ่านรายละเอียด การดูดไขมันต้นขา พร้อมชมรีวิวดูดไขมันต้นขา คลิก
พูดคุยกับหมอหลิว เรื่องดูดไขมันหน้าท้อง
ถาม-ตอบ ดูดไขมันหน้าท้อง
หลังดูดไขมันไปแล้ว หน้าท้องจะหย่อนคล้อย หรือย้วยไหม ?
ถ้าก่อนดูดหน้าท้องเราไม่หย่อนคล้อย หลังดูดก็ไม่หย่อนค่ะ แต่ถ้าเดิมหย่อนอยู่แล้ว หลังดูดก็หย่อนคล้อยเดิมค่ะ กลุ่มนี้ต้องอาศัยการตัดตกแต่งหนังหน้าท้องเพื่อให้กระชับค่ะ
อย่างแรกต้องประเมินระดับความหย่อนคล้อยก่อน รวมถึง BMI ว่าอยู่ในเกณฑ์ไหน ถ้าหย่อนคล้อยมาก และ BMI มากกว่า 30 แนะนำว่าอาจต้องมีการตัดตกแต่งหนังหน้าท้องร่วมด้วย ถ้าอยากให้ดูผิวหนังตึงและกระชับค่ะ
ดูดไขมันหน้าท้อง พักฟื้นนานไหม ?
พักฟื้นไม่นานค่ะ เพราะหลังดูดไขมันหน้าท้องสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ แต่ว่าจะมีน้ำไหลได้ในช่วง 1-3วันแรก
ดูดไขมันมาแล้ว ผิวจะเป็นคลื่นไหม ?
ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ดูดแต่ละตำแหน่ง และแต่ละบริเวณด้วยแรงดูดที่สม่ำเสมอ รวมถึงจำนวนครั้งที่ผ่านบริเวณนั้นเท่าๆกัน ก็ไม่มีปัญหาส่วนนี้แน่นอนค่ะ
ดูดไขมันหน้าท้อง คุณหมอนับกี่จุด ?
การนับจุดแต่ละที่ แต่ละคลินิกใช้หลักการนับไม่เหมือนกัน ถ้าแบ่งคร่าวๆส่วนใหญ่ ก็จะยึดจากตำแหน่งสะดือคือ แบ่งเป็นท้องบน และท้องล่าง
ซึ่งท้องล่างนี่แหละ ที่แม้สาวๆหลายคนผอม แต่ก็ยังมีลักษณะพุงหมาน้อย แต่ว่าไม่สามารถบอกได้ว่าตำแหน่งหน้าท้องแบ่งเป็นกี่จุด หรือมีตัวชี้วัดเป็นตัวเลขที่ตายตัว ขึ้นกับว่าแต่ละคลินิกจะใช้หลักการนับแบบไหน
แต่ของต้นหลิวคลินิก เราจะยึดตามน้ำหนักส่วนสูง เพราะว่าเป็นอะไรที่รู้สึกยุติธรรมในแต่ละคน เพราะว่าคนตัวเล็กน้ำหนักน้อย จะนับจุดเท่ากับคนน้ำหนักเยอะ อันนี้ก็คงไม่ใช่ รวมถึงคนที่หน้าท้องใหญ่ แล้วจำนวนจุดแบ่งถี่ยิบเกินก็เกินไป เราจะมีราคาเหมาแต่ละน้ำหนักส่วนสูงเอาไว้ เพื่อที่ว่าสมเหตุสมผลในแต่ละคนที่มารับบริการที่ต้นหลิวคลินิก
โดยราคาจะแบ่งตามน้ำหนักส่วนสูงหรือ BMI
เริ่มต้น 29,900บาท (จากปกติ 42,900บาท)
ชมคลิป BMI คืออะไร ทำไมต้องคิด ?
หากคุณกังวลก้อนไตแข็ง เซลลูไลท์ ริ้วรอย หรือผิวหนังหย่อนคล้อย ต้องไม่พลาด!!
พูดคุยกับหมอหลิว เพื่อลดสัดส่วน
รีวิวดูดไขมันหน้าท้อง ต้นหลิวคลินิก
(ย่านรามอินทรา ไม่ต้องบินไกลถึงเกาหลี ก็สวยดูดีได้)
พูดคุยกับหมอหลิว เรื่องดูดไขมันหน้าท้อง
ขั้นตอนก่อนดูดไขมันหน้าท้อง
ขั้นตอนปฏิบัติตัว หลังดูดไขมันหน้าท้อง
วิธีเลือกชุดกระชับ และวิธีการใส่ชุดกระชับ หลังดูดไขมัน
ตำแหน่งการดูดไขมัน
พูดคุยกับหมอหลิว เรื่องดูดไขมันหน้าท้อง
กลับหน้าแรก เพื่อดูหัตถการอื่นๆ