ฉีดไขมันหน้าเด็ก (FAT GRAFTING)
การ “ฉีดไขมันหน้าเด็ก” เป็นที่นิยมกันมาก ทั้งสาวๆวัยรุ่น มาเติมให้อวบอิ่ม โหวงเฮ้งปัง หรือพออายุมากขึ้น ก็สามารถเติมไขมันเพื่อให้ดูอ่อนกว่าวัย เอาจริงๆการฉีดไขมันเหมือนได้โชค 2ต่อ คือ 1.บริเวณที่ดูดไขมันก็ยุบ 2.หน้าก็เด็ก อ่อนกว่าวัย
แถมใบหน้าที่ดูสวย โหงวเฮ้งก็ปัง ผิวดูชุ่มชื่น มีน้ำมีนวลอย่างเป็นธรรมชาติ และการฉีดไขมันยังสามารถเติมเฉพาะจุดได้ เช่น เติมไขมันมือ ไม่ให้ดูเหี่ยว หรือเติมน้องสาว ก็ได้นะ (ทักปรึกษาคุณหมอได้เลย)
และถ้าเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์ในปริมาณเท่าๆกัน การฉีดไขมันหน้าเด็กประหยัดกว่าเยอะเลย และไม่ต้องกังวลสารแปลกปลอม สารตกค้าง หรือแพ้ด้วย ปลอดภัย 100% เนื่องจากเป็นการใช้ไขมันของเราเอง รู้อย่างนี้แล้วสาวๆจะพลาดกันได้ไง!
รีวิวฉีดไขมันเติมหน้าเด็ก
ราคาโปรโมชั่น ฉีดไขมันหน้าเด็ก เทคนิคเกาหลี (FAT GRAFTING)
โชคดีของคุณที่เปิดมาเจอหน้านี้! CAPTUREDโปรแล้วทักไลน์ด่วน
รับสิทธิ์เติมไขมันหน้าเด็ก เทคนิคเกาหลี
ให้ใบหน้าดูอวบอิ่ม ผิวใส ฉ่ำวาว เนียนใส เด็กลงทันที
แถมไม่ต้องกังวล เพราะติดทนนาน สวย ปลอดภัย ผิวฉ่ำวาวดูเป็นธรรมชาติ ด้วยไขมันตัวเอง 100%
(เคยมีลูกค้าเติมไขมัน แล้วหน้าเปลี่ยนสวยขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องให้ไปถ่ายบัตรประชาชนใบใหม่ 😁)
โปรโมชั่นดูดเติมไขมันหน้าเด็ก
ราคา 21,900บาท (จากปกติ 29,900บาท)
ทักไลน์ด่วน! หมอหลิวตอบเองทุกเคส
ขั้นตอนการฉีดไขมันหน้าเด็ก (FAT GRAFTING)
1. ออกแบบร่วมกับลูกค้า ว่ากังวลปัญหาส่วนไหน และควรเติมตำแหน่งไหนบ้าง
2. เลือกตำแหน่งที่มีไขมัน โดยส่วนใหญ่จะเลือกตำแหน่ง ใต้ก้นกับสะโพก เพราะว่าเป็นตำแหน่งที่ไขมันมีคุณภาพ เพิ่มโอกาสติดของไขมัน
3. ทำความสะอาด บริเวณที่จะดูดไขมัน
4. ใส่ยาชา รอบๆบริเวณที่ดูดไขมันออกมาเพื่อนำมาเติม
5. ดูดไขมันออกมา โดยการดูดไขมันเติมหน้าเด็ก จะดูดด้วยมือเพื่อได้ไขมันตัวที่มีคุณภาพ และเซลล์ไขมันยังสมบูรณ์มากกว่าดูดเครื่อง
6. นำเข้าเครื่องปั่นเพื่อแยกเอาสเต็มเซลล์ไขมัน หรือนาโนแฟตออกมา
7. เมื่อปั่นแยกไขมันออกมา เราก็จะกรองเอาเฉพาะส่วนสเต็มเซลล์ไขมัน หรือนาโนแฟต คุณภาพดีออกมา
8. ฉีดยาชาทั่วบริเวณใบหน้า หรือบริเวณที่ต้องการเติม เพื่อเตรียมฉีดไขมัน
9. ฉีดสเต็มเซลล์ไขมัน ตามตำแหน่งที่ต้องการ
10. หลังจากเติมเสร็จก็จะให้ลูกค้าประเมินร่วมกันอีกครั้งว่า อยากเติมตำแหน่งเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็จะทำความสะอาดใบหน้า และเตรียมกลับบ้านได้
ถาม-ตอบ เรื่องการฉีดไขมันเติมหน้าเด็ก
ตำแหน่งที่เหมาะกับการดูดไขมันออก ?
ตำแหน่งที่แนะนำดูดเพื่อนำไขมันออกมาฉีด จะเป็นตำแหน่ง ต้นขา จะใช้ขานอกหรือขาในก็ได้ค่ะ เนื่องจากเป็นไขมันที่ค่อนข้างแข็งแรง และเพิ่มโอกาสติดได้ดีกว่า
การดูดไขมันเจ็บไหมคะ ?
หลายคนชอบถามตอบเลยว่า “เจ็บทนได้ค่ะ” และเจ็บแค่ตอนฉีดยาชาค่ะ เมื่อเราได้ไขมันออกมาแล้ว ก็เอาไปเข้าเครื่องปั่นเพื่อให้แยกชั้นไขมันออกมา โดยไขมันที่เราจะเอามาฉีด คือ สเต็มเซลล์ไขมัน หรือนาโนแฟต ทำให้คืนความอ่อนเยาว์บริเวณใบหน้าได้ด้วยค่ะ และทำให้หน้าดูเด็กขึ้นได้อีกด้วย
เนื่องจากเป็นการเติมเต็ม ทดแทนในส่วนที่ขาดหายไป เนื่องจากพอเราอายุมากขึ้นก็จะทำให้เกิดร่องต่างๆตามมา ไม่ว่าจะเป็นร่องแก้ม, ใต้ตา, ร่องน้ำหมาก เป็นต้น
ตำแหน่งไหนสามารถฉีดได้บ้าง ?
สามารถฉีดได้ทุกตำแหน่ง แต่ไม่แนะนำฉีดในบริเวณที่เคยฉีดสารก่อนหน้านี้ เช่น เคยฉีดฟิลเลอร์, คอลลาเจน และสารเหลวมาค่ะ ส่วนตำแหน่งที่ฮิตมากในการฉีดไขมันเติมหน้าเด็ก ก็คือ หน้าผาก และบริเวณแก้ม
เนื่องจากพอหน้าผากดูโหนกนูนและแก้มดูเต็มขึ้น ก็ทำให้ดูเด็กขึ้น ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ที่ฉีดอีกได้แก่ ขมับ, ใต้ตา, ร่องแก้ม, คาง, ปาก บริเวณตาที่ดูโบ๋ ก็สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง
ฉีดฟิลเลอร์ กับฉีดไขมัน อันไหนดีกว่า ?
ถ้าเป็นฟิลเลอร์แท้ก็ดี แต่ว่าก็ต้องฉีดหลายซีซี ถ้าฉีดทุกตำแหน่งทั่วหน้าก็จะทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง
ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คือ ไม่เจ็บตัวหลายตำแหน่ง แต่ว่าข้อเสียก็มีมากมาย อาทิ เปลือง ต้องฉีดหลายซีซี ทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และที่สำคัญ อาจมีโอกาสแพ้ในบางคน ฟิลเลอร์แท้อยู่ได้นานมากสุดก็ 1ปี-1ปีครึ่ง และก็สลายไป
ข้อดีของการฉีดไขมันคือ เป็นไขมันของเราเอง ไม่มีโอกาสแพ้และที่สำคัญฉีดได้มีจำกัดซีซี และราคาไม่แพงเท่ากับการฉีดฟิลเลอร์ ไม่มีสารตกค้างแน่ๆ ส่วนข้อเสียก็มีแค่ว่า ต้องเจ็บหลายที่ก็แค่นั้นเอง
ฉีดไขมันหน้าเด็ก อยู่ได้นานเท่าไหร่ ?
จริงๆจะไม่สามารถบอกได้เป็นตัวเลขเป๊ะๆขนาดนั้นค่ะ แต่ว่าโดยเฉลี่ยแล้วจะประมาณ 6เดือน – 1ปี เนื่องจากว่าหลายปัจจัย แต่บางคนก็อยู่ได้นานกว่านั้น ขึ้นกับการดูแลของตัวเอง
รวมถึงการดูดไขมันออกมาว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เช่น สี, ลักษณะ, ความแน่น, จำนวน, ดีหรือไม่ดี เพราะบางคนทานยาลดน้ำหนัก ก็ทำให้เวลาเราดูดไขมันออกมา ไขมันจะมีลักษณะเละ ทำให้ติดได้ไม่ดี แต่ถ้าเติมแน่นจนเกินไปก็อาจทำให้ไขมันตายเพราะไม่มีพื้นที่ให้ไขมันได้อยู่ได้
การที่ไขมันจะติดดีหรือไม่ ก็ต้องขึ้นกับการดูแลตัวเองหลังการฉีดด้วยค่ะ เนื่องจากถ้าลดน้ำหนักหลังจากฉีดก็อาจทำให้ไขมันไม่ติด หรืออยู่ได้ไม่นาน แนะนำว่า “ควรเพิ่มน้ำหนักเพื่อให้ไขมันติดดี และงดออกกำลังกายอย่างหนักในช่วง 1เดือนแรก”
หลังฉีดดูหน้าบวมๆ คือปกติไหมคะ ?
“ปกติค่ะ” เนื่องจากช่วงแรกๆอาจมีอาการบวมของยาชา แล้วก็การใช้เข็มดูดเติมไขมันเข้าไปใต้ผิวค่ะ อาจทำให้ดูอักเสบหรือบวมได้ในช่วงแรก
รวมถึงการเติมไขมันโดยทั่วไปแล้ว จะมีการเติมเผื่อมากกว่าปกติ 10-30% ขึ้นกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการเพิ่มปัจจัยการติดของไขมัน เพราะว่าช่วงแรกจะดูบวมเยอะตามปัจจัยที่บอกข้างต้น หลังจากนั้นจะยุบลงเรื่อยๆ และจะเริ่มเข้าที่เมื่อผ่านไปแล้ว 1เดือน
ปรึกษาหมอหลิว เรื่องฉีดไขมันหน้าเด็ก
ข้อดีของการฉีดไขมันหน้าเด็ก
ไม่มีสารแปลกปลอม หรือสารตกค้างเข้าสู่ร่างกาย เพราะเป็นไขมันของเราเอง
ราคาไม่แพง เพราะการฉีดไขมันหนึ่งครั้งจะฉีดไม่จำกัดซีซี ซึ่งก็เสียเงินเพียงแค่ครั้งเดียว แตกต่างจากการเติมฟิลเลอร์ที่จะคิดราคาเป็นซีซี ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับการฉีดฟิลเลอร์ทั่วบริเวณใบหน้า
ไขมันที่ฉีดเป็นสเต็มเซลล์ไขมัน พอขึ้นชื่อว่าสเต็มเซลล์ บอกได้เลยว่า ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้ใบหน้า เพราะสเต็มเซลล์ช่วยในการฟื้นฟู และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ซึ่งพอนำมาฉีดจะทำให้ใบหน้าดูมีออร่า และดูอ่อนเยาว์มากขึ้น
ให้คุณสวยอย่างรวดเร็วและ ปลอดภัย100% เนื่องจากเป็นไขมันของเราเอง ไม่มีโอกาสแพ้ ไม่เหมือนการฉีดสารแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย รวมถึงหมอหลิวมีประสบการณ์เพียบ
ข้อเสียของการฉีดไขมันหน้าเด็ก
ไม่เหมาะสำหรับคนที่น้ำหนักตัวน้อยหรือผอมมากๆ เนื่องจากปริมาณไขมันสะสมน้อยทำให้ไม่พอสำหรับการดูดมาเติมใบหน้า
ในบางรายไขมันอาจไม่แข็งแรง หรือไขมันมีการยุบตัวลงเยอะ ขึ้นอยู่กับร่างกายแต่ละคน บางคนทานยาลดน้ำหนัก ก็ทำให้ไขมันเหลว หรือติดไม่ดี หรือดื่มเหล้าแอลกอฮอล์ทำให้ไขมันตาย
ดังนั้นอาจต้องมีการเติมซ้ำ 2-3ครั้ง แล้วแต่ความต้องการให้ใบหน้าอิ่มของแต่ละบุคคล แต่ในบางรายก็เติมครั้งเดียวแล้วก็สามารถอยู่ได้ตลอดชีวิต
ปรึกษาหมอหลิว เรื่องฉีดไขมันหน้าเด็ก
หมอทำเคสทุกวัน และมีประสบการณ์ ทำเคสฉีดไขมันเติมหน้าเด็ก กว่า 1,000เคส
ซึ่งถือว่าเยอะมากในการฉีดไขมันเติมหน้าเด็ก และได้มีการพัฒนาฝีมือ รวมถึงเทคนิคต่างๆในแบบเฉพาะตัว ที่สำคัญฉีดไขมันกับหมอหลิว ติดทนนานมากกว่า 1ปีขึ้นไปทุกเคส แต่ยังไงแล้วก็ต้องขึ้นกับการดูแลของแต่ละบุคคลด้วยนะคะ